ไปยังหน้า : |
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ปูรณกัสสปบัญญัติ ชาติเฉพาะอย่าง 6 ชนิด คือ ชาติดำ ชาติเขียว ชาติแดง ชาติเหลือง ชาติขาว และชาติขาวสุด.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ในการบัญญัติของปูรณกัสสปนั้น เขาบัญญัติคนฆ่าแพะแกะ คนฆ่าสุกร ฆ่านก ฆ่าเนื้อ ชาวประมง โจรปล้น โจรฆ่าคน เจ้าหน้าที่เรือนจำ หรือคนมีการงานชั้นต่ำอย่างอื่น ๆ ว่าเป็น ชาติดำ.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ปูรณกัสสปบัญญัติภิกษุพวกกัณฑกพฤติ หรือพวกกัมมวาทพวกกิริยวาทอื่น ๆ ว่าเป็น ชาติเขียว.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ปูรณกัสสปบัญญัติพวกนิครนถ์มีผ้าผืนเดียว ว่าเป็น ชาติแดง.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ปูรณกัสสปบัญญัติพวกคฤหัสถ์ผู้นุ่งขาวผู้เป็นสาวกอเจลก ว่าเป็นชาติเหลือง.
ข้าแต่พรองค์ผู้เจริญ ! ปูรณกัสสปบัญญัติพวกอาชีวก พวกอาชีวกินี (หญิง) ว่าเป็นชาติขาว.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ปูรณกัสสปบัญญัติเจ้าลัทธิชื่อนันทวัจฉะ กิจจสังกิจจะ และมักขลิโคสาละ ว่าเป็นชาติขาวสุด.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ปูรณกัสสปบัญญัติชาติเฉพาะอย่าง 6 ชนิด เหล่านี้แลพระเจ้าข้า !"
อานนท์ ! โลกทั้งปวง ยอมรับรู้การบัญญัติ อภิชาติ 6 ชนิด ของปูรณกัสสปนั้นหรือ ?
"ข้อนั้นหามิได้ พระเจ้าข้า !"
อานนท์ ! ถ้าอย่างนั้น มันก็เหมือนกับคนยากจนเข็ญใจไม่มีทรัพย์ติดตัว ทั้งไม่ปรารถนาจะได้เนื้อซึ่งต้องใช้ค่าเนื้อตามสัดส่วน, เมื่อมีคนมากล่าวว่า "บุรุษผู้เจริญ ! เนื้อนี้น่ากิน แต่ท่านต้องใช้ค่าเนื้อ" ดังนี้แล้ว ; เขาย่อมปฏิเสธ; ฉันเดียวกับปูรณกัสสป ไม่ได้รับการรับรู้จากสมณพราหมณ์ทั้งหลาย แล้วมาบัญญัติอภิชาติ 6 ชนิดนี้ มีลักษณะเป็นคนโง่ คนไม่เฉียบแหลม ไม่รู้จักขอบเขต ไม่ฉลาด ฉันใดก็ฉันนั้น. อานนท์ ! เราแหละจะบัญญัติอภิชาติ 6 ชนิด, เธอจงฟัง จงทำในใจให้ดี, เราจะกล่าว. อานนท์! อภิชาติ 6 ชนิด เป็นอย่างไรเล่า ?
อานนท์ ! ในกรณีแห่งอภิชาติ 6 นี้ คือ คนบางคนมีชาติดำ ก่อให้เกิดธรรมดำ 1, บางคนมีชาติดำ ก่อให้เกิดธรรมขาว 1, บางคนมีชาติดำ ก่อให้เกิดนิพพาน (ความสิ้นราคะโทสะโมหะ) อันเป็นธรรมไม่ดำไม่ขาว 1, บางคนมีชาติขาว ก่อให้เกิดธรรมดำ 1, บางคนมีชาติขาว ก่อให้เกิดธรรมขาว 1, บางคนมีชาติขาว ก่อให้เกิดนิพพานอันเป็นธรรมไม่ดำไม่ขาว 1.
อานนท์ ! คนมีชาติดำ ก่อให้เกิดธรรมดำ เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! คนบางคนในกรณีนี้ เกิดในตระกูลต่ำ คือ ตระกูลจัณฑาล ตระกูลพราน ตระกูลจักสาน ตระกูลทำรถ หรือตระกูลเทหยากเยื่อ ซึ่งเป็นคนยากจน มีข้าวและน้ำน้อย เป็นอยู่ฝืดเคือง มีอาหารและเครื่องนุ่งห่มหาได้โดยยาก เขาเป็นผู้มีผิวพรรณทราม ไม่น่าดู เตี้ยค่อม ขี้โรค ตาบอด ง่อย กระจอก มีตัวตะแคงข้าง ไม่ค่อยจะมีข้าว น้ำ เครื่องนุ่งห่ม ยานพาหนะ ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่ และประทีปโคมไฟ แต่เขาก็ยัง ประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ครั้นประพฤติทุจริตแล้ว เบื้องหน้าแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ย่อมเข้าถึงอบายทุคติวิบาตนรก. อย่างนี้แล อานนท์ ! เรียกว่าคนมีชาติดำ ก่อให้เกิดธรรมดำ.
อานนท์ ! คนมีชาติดำ ก่อให้เกิดธรรมขาว เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์! คนบางคนในกรณีนี้ เกิดในตระกูลต่ำ คือ ตระกูลจัณฑาล ตระกูลพราน ...ฯลฯ... มีอาหารและเครื่องนุ่งห่มหาได้โดยยาก มีผิวพรรณทราม ไม่น่าดู ....ฯลฯ .... ไม่ค่อย จะมีข้าว น้ำ ....ฯลฯ ,.... ประทีปโคมไฟ แต่เขา ประพฤติกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ครั้นประพฤติสุจริตแล้ว เบื้องหน้าแต่การตาย เพราะการทำลายแห่งกาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์. อย่างนี้แล อานนท์ ! เรียกว่า คนมีชาติดำ ก่อให้เกิดธรรมขาว.
อานนท์! คนมีชาติดำ ก่อให้เกิดนิพพานอันเป็นธรรมไม่ดำไม่ขาว เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์! คนบางคนในกรณีนี้ เกิดในตระกูลต่ำ คือ ตระกุลจัณฑาล ตระกูลพราน ....ฯลฯ.... มีผิวพรรณทราม ไม่น่าดู เตี้ยค่อม. เขาปลงผมและหนวด ครองผ้าย้อมฝาดออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่มีประโยชน์เกี่ยวข้องด้วยเรือน. เขานั้น ครั้นบวชแล้วอย่างนี้ ละนิวรณ์ทั้ง 5 อันเป็นเครื่องเศร้าหมองจิตทำปัญญาให้ถอยกำลัง ได้แล้ว มีจิตตั้งมั่นดีในสติปัฏฐานทั้งสี่ ยังโพชฌงค์ 7 ให้เจริญแล้วตามที่เป็นจริง ชื่อว่าย่อมก่อให้เกิดนิพพานอันเป็นธรรมไม่ดำไม่ขาว. อย่างนี้แล อานนท์ ! เรียกว่า คนมีชาติดำ ก่อให้เกิดนิพพานอันเป็นธรรมไม่ดำไม่ขาว.
อานนท์ ! คนมีชาติขาว ก่อให้เกิดธรรมดำ เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! คนบางคนในกรณีนี้ เกิดในสกุลสูง คือ สกุลกษัตริย์มหาศาล สกุลพราหมณ์มหาศาล หรือสกุลคหบดีมหาศาล อันมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทองและเงินพอตัว มีอุปกรณ์แห่งทรัพย์พอตัว มีทรัพย์และข้าวเปลือกพอตัว เขามีรูปงาม น่าดู น่าเลื่อมใส ประกอบด้วยความเกลี้ยงเกลาแห่งผิวพรรณอย่างยิ่ง ร่ำรวยด้วยข้าวด้วยน้ำ เครื่องนุ่งห่ม ยานพาหนะ ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่ และประทีปโคมไฟ แต่เขา ประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ครั้นประพฤติทุจริตแล้ว เบื้องหน้าแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ย่อมเข้าพึงอบายทุคติวินิบาตนรก. อย่างนี้แล อานนท์ ! เรียกว่า คนมีชาติขาว ก่อให้เกิดธรรมดำ.
อานนท์ ! คนมีชาติขาว ก่อให้เกิดธรรมขาว เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! คนบางคนในกรณีนี้ เกิดในสกุลสูง คือสกุลกษัตริย์มหาศาล สกุลพราหมณ์มหาศาล ....ฯลฯ.... มีทรัพย์และข้าวเปลือกพอตัว มีรูปงาม ....ฯลฯ .... ร่ำรวยด้วยข้าวน้ำ ....ฯลฯ .... ประทีป โคมไฟ ; เขา ประพฤติกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ครั้นประพฤติสุจริตแล้ว เบื้องหน้าแต่การตายเพราะการทำลายแห่งกาย ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์. อย่างนี้แล อานนท์ ! เรียกว่า คนมีชาติขาว ก่อให้เกิดธรรมขาว.
อานนท์ ! คนชาติขาว ก่อให้เกิดนิพพานอันเป็นธรรมไม่ดำไม่ขาว เป็นอย่างไรเล่า ? อานนท์ ! คนบางคนในกรณีนี้ เกิดในสกุลสูง คือ สกุลกษัตริย์มหาศาล สกุลพราหมณ์์มหาศาล ....ฯลฯ มีทรัพย์และข้าวเปลือกพอตัว มีรูปงาม ....ฯลฯ .... ร่ำรวยด้วยข้าวน้ำ ....ฯลฯ.... ประทีปโคมไฟ. เขาปลงผมและหนวด ครองผ้ากาสายะ ออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่มีประโยชน์เกี่ยวข้องด้วยเรือน, เขานั้นครั้นบวชแล้วอย่างนี้ ละนิวรณ์ทั้ง 5 อันเป็นเครื่องเศร้าหมองใจทำปัญญาให้ถอยกำลังได้แล้ว มีจิตตั้งมั่นดี ในสติปัฏฐานทั้งสี่ ยังโพชฌงค์เจ็ดให้เจริญแล้วตามที่เป็นจริง ชื่อว่าย่อมก่อให้เกิดนิพพานอันเป็นธรรมไม่ดำไม่ขาว. อย่างนี้แล อานนท์ ! เรียกว่า คนมีชาติขาว ก่อให้เกิดนิพพานอันเป็นธรรมไม่ดำไม่ขาว.
อานนท์ ! เหล่านี้แล อภิชาติ 6 ชนิด.
- ฉกฺก. อํ. 22/428/329.