ค. หมวดอายตนะ (คือธรรม)

ภิกษุ ท. ! ข้ออื่นยังมีอีก : ภิกษุเป็นผู้ มีปรกติพิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลาย คืออายตนะภายในและภายนอก 6 อย่าง อยู่. ภิกษุ ท. ! ภิกษุเป็นผู้มีปรกติพิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลาย คืออายตนะภายในและภายนอกหกอย่างอยู่ นั้นเป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ :-

รู้ชัดซึ่ง จักษุ ;

รู้ชัดซึ่งรูปทั้งหลาย ;

รู้ชัดซึ่งสัญโญชน์ (คือกิเลสเป็นเครื่องผูก) อันอาศัยจักษุและรูปทั้ง 2 อย่าง แล้วเกิดขึ้น ;

รู้ชัดซึ่งการเกิดขึ้นแห่งสัญโญชน์ที่ยังไม่เกิดขึ้น ว่า เกิดขึ้นอย่างไร ;

รู้ชัดซึ่งการละสัญโญชน์ที่เกิดขึ้นแล้ว ว่า ละไปแล้วอย่างไร ;

รู้ชัดซึ่งการไม่เกิดขึ้นอีกแห่งสัญโญชน์ที่ละแล้ว ว่า ไม่เกิดขึ้นอีกอย่างไร.

(ในกรณีแห่งอายตนะหมวด โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และ มนะ ก็มีข้อความที่ตรัสว่า ภิกษุรู้ชัดทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่งอายตนะหมวดจักษุ ข้างบนนี้).

ด้วยอาการอย่างนี้แล ที่ภิกษุเป็นผู้ มีปรกติพิจารณาเห็นธรรม ในธรรมทั้งหลายอันเป็นภายในอยู่ บ้าง, ในธรรมทั้งหลายอันเป็นภายนอกอยู่ บ้าง, ....ฯลฯ .... (คำที่ละไว้ต่อไปนี้ เหมือนตอนท้ายของหมวด ก. อันว่าด้วยนิวรณ์ ตั้งแต่ คำว่า “ในธรรมทั้งหลายอันเป็นภายนอกอยู่ บ้าง” ไปจนถึงคำว่า “ไม่ยึดมั่นอะไร ๆ ในโลกนี้.”). ภิกษุ ท. ! ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้มีปรกติพิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลาย คือ อายตนะภายในและภายนอกหกอย่างอยู่ แม้ด้วยอาการอย่างนี


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

หนังสือที่เกี่ยวข้อง