ทรงพยากรณ์เฉพาะเรื่องอริยสัจ 4

"….ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา โลกเที่ยง นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ ดังนั้นหรือ พระเจาขา ?"

โปฏฐปาทะ ! ขอที่วา "โลกเที่ยง นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่ เราไมพยากรณ.

"ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา โลกไมเที่ยง นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ ดังนั้นหรือ ?”

โปฏฐปาทะ! ขอที่วา "โลกไมเที่ยง นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่ เราไมพยากรณ.

"ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา โลกมีที่สิ้นสุด นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ ดังนั้นหรือ ?

โปฎฐปาทะ! ขอที่วา "โลกมีที่สิ้นสุด นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่เราไมพยากรณ.

"ขาแตพระองคผูเจริญ! สัจจะที่วา โลกไมมีที่สิ้นสุด นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ ดังนั้นหรือ?"

โปฏฐปาทะ! ขอที่วา "โลกไมมีที่สิ้นสุด นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ" ดังนี้นั้นเปนขอที่ เราไมพยากรณ.

"ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ ดังนั้นหรือ ?"

โปฏฐปาทะ ! ขอที่วา "ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่เราไมพยากรณ.

"ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา ชีวะก็อันอื่น สรีระก็อันอื่น นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ ดังนั้นหรือ ?”

โปฏฐปาทะ ! ขอที่วา "ชีวะก็อันอื่น สรีระก็อันอื่น นี้เทานั้นเปนคําจริงคําอื่นเปนโมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่ เราไมพยากรณ.

"ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีก นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ ดังนั้นหรือ?"

โปฏฐปาทะ! ขอที่วา "ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีก นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่ เราไมพยากรณ.

"ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมไมมีอีกนี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ ดังนั้นหรือ?"

โปฏฐปาทะ! ขอที่วา "ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมไมมีอีก นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่ เราไมพยากรณ.

"ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีกก็มีไมมีอีกก็มี นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ ดังนั้นหรือ ?"

โปฏฐปาทะ ! ขอที่วา "ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีกก็มีไมมีอีกก็มี นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่ เราไมพยากรณ.

"ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา ตถาคตภายหลังแกตาย แลวยอมมีอีกก็หามิได ไมมีอีกก็หามิได นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ ดังนั้นหรือ ?"

โปฏฐปาทะ ! ขอที่วา "ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีกก็หามิไดไมมีอีกก็หามิไดนี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่ เราไมพยากรณ.

"ขาแตพระองคผูเจริญ ! เพราะเหตุอะไรเลา ขอนั้น ๆ จึงเปนสิ่งที่ไมทรงพยากรณ?

โปฏฐปาทะ ! เพราะเหตุวา นั่นไมประกอบดวยอรรถะ ไมประกอบดวยธรรมะ ไมเปนเบื้องตนของพรหมจรรย ไมเปนไปพรอมเพื่อความหนายความคลายกําหนัด ความดับ ความระงับ ความรูยิ่ง ความรูพรอม และนิพพาน, เหตุนั้นเราจึงไมพยากรณ.

"ขาแตพระองคผูเจริญ! เพราะเหตุอะไรเลา เปนสิ่งที่พระองคทรงพยากรณ ?"

โปฏฐปาทะ ! ขอที่เราพยากรณนั้นคือ นี้ทุกข, นี้เหตุใหเกิดทุกข, นี้ความดับไมเหลือแหงทุกข, นี้ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข, ดังนี้

"ขาแตพระองคผูเจริญ! เพราะเหตุอะไรเลา จึงทรงพยากรณ?"

โปฎฐปาทะ! เพราะเหตุวา นั่นประกอบดวยอรรถะ ประกอบดวยธรรมะ เปนเบื้องตนของพรหมจรรย เปนไปพรอมเพื่อความหนาย ความคลายกําหนัดความดับ ความระงับ ความรูยิ่ง ความรูพรอม และนิพพาน, เหตุนั้นเราจึงพยากรณ.

- สี. ที. 9/232-233/292-293.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

หนังสือที่เกี่ยวข้อง