ไปยังหน้า : |
โปฏฐปาทะ ! เราย่อมแสดงธรรม เพื่อละการได้ซึ่ง อัตตาแม้ชนิดหยาบ ซึ่งเมื่อท่านทั้งหลายปฏิบัติตามธรรมนั้นแล้ว สังกิเลสิกธรรมทั้งหลายจักละไป โวทานิยธรรมทั้งหลายจักเจริญโดยยิ่ง จักกระทำให้แจ้งซึ่งความบริบูรณ์ ไพบูลย์แห่งปัญญา ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่.
โปฏฐปาทะ ! ความคิดอาจจะเกิดขึ้นแก่ท่าน อย่างนี้ว่า “การที่สังกิเลสิกธรรมทั้งหลายจักละไป โวทานิยธรรมทั้งหลายจักเจริญโดยยิ่ง จักกระทำให้แจ้งซึ่งความบริบูรณ์ไพบูลย์แห่งปัญญาได้ ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่นั้น แต่การอยู่นั้นจักเป็นทุกข์ลำบาก” ดังนี้ ก็ได้. โปฏฐปาทะเอ๋ย ! ข้อนั้นท่านอย่าเห็นอย่างนั้นเลย : สังกิเลสิกธรรมทั้งหลายก็จักละได้ด้วย โวทานิยธรรมทั้งหลายก็จักเจริญโดยยิ่งด้วย จักกระทำให้แจ้งซึ่งความบริบูรณ์ไพบูลย์แห่งปัญญาได้ ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้ว แลอยู่ด้วย ปราโมทย์ ปีติ ปัสสัทธิ สติ สัมปชัญญะ ก็จักมี และการอยู่นั้น ก็เป็นสุขด้วย.
(ต่อไปนี้ได้ทรงแสดงธรรมเพื่อการละเสียซึ่งการได้ อัตตาอันเป็นมโนมยะ และ อัตตาอันเป็นอรูปี และทรงยืนยันว่าการปฏิบัติเพื่อการละนั้น ไม่เป็นการอยู่ที่เป็นทุกข์ แต่เป็นการอยู่ที่เป็นสุขเช่นเดียวกัน. พวกเราในบัดนี้มักจะเข้าใจไปว่า การปฏิบัติธรรมจะต้องเกิดเป็นความทุกข์ลำบากเสมอ).
- สี. ที. ๙/๒๔๑ - ๒๔๓/๓๐๓ - ๓๐๕.