ไปยังหน้า : |
ครั้นพวกเธอไม่ยอมรับไม่ได้คัดค้านแล้ว พึงถามปัญหาว่า "อาวุโส ! โวหาร 4 ประการเหล่านี้มีอยู่ อันพระผู้มีพระภาคผู้รู้เห็นผู้อรหันต์สัมมาสัมพุทธะ ตรัสไว้แล้วโดยชอบ คือ ความมีปกติกล่าวว่าข้าพเจ้าเห็นแล้วในสิ่งที่ได้เห็น 1 ความมีปกติกล่าวว่าข้าพเจ้าฟังแล้วในสิ่งที่ได้ฟัง 1 ความมีปกติกล่าวว่า ข้าพเจ้ารู้สึกแล้วในสิ่งที่ได้รู้สึก 1 ความมีปกติกล่าวว่าข้าพเจ้ารู้แจ้งแล้วในสิ่งที่ได้ รู้แจ้ง 1. อาวุโส ! ก็ท่านรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่อย่างไร จิตของท่านจึงหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ยึดถืดในโวหารทั้งสี่ประการนั้น?" ดังนี้.
ภิกษุ ท.! ถ้าภิกษุนั้นเป็นขีณาสพ มีพรหมจรรย์อยู่จบแล้ว มีกิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว มีภาระปลงลงได้แล้ว มีประโยชน์ตนอันตามลุถึงแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ จริง, ธรรมที่ภิกษุนั้นสมควรพยากรณ์ ย่อมมีอย่างนี้ว่า "อาวุโส! ในสิ่งที่เห็นแล้วนั้น ข้าพเจ้าไม่เข้าหา ไม่ถอยหนี ไม่อาศัย ไม่ผูกพัน แต่ข้าพเจ้าพ้นจากอำนาจแห่งมัน ปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัด อยู่ด้วยจิตที่ข้าพเจ้ากระทำแล้วให้เป็นจิตปราศจากเขตแดนอยู่. อาวุโส ! ในสิ่งที่ฟังแล้ว ก็ดี ในสิ่งที่รู้สึกแล้ว ก็ดี ในสิ่งที่รู้แจ้งแล้ว ก็ดี นั้น ข้าพเจ้าก็ไม่เข้าหา ไม่ถอยหนี ไม่อาศัย ไม่ผูกพัน แต่ข้าพเจ้าพ้นจากอำนาจแห่งมัน ปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัด อยู่ด้วยจิตที่ข้าพเจ้ากระทำแล้วให้เป็นจิตปราศจากเขตแดนอยู่. อาวุโส ! เมื่อข้าพเจ้ารู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ จิตของข้าพเจ้าจึงหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไม่ยึดมั่นในโวหารทั้งสี่เหล่านี้" ดังนี้. ภิกษุ ท.! พวกเธอพึงยินดีอนุโมทนาในคำกล่าวของภิกษุนั้นว่า สาธุ ดังนี้.