ไปยังหน้า : |
ภิกษุ ท.! ภิกษุใด เป็น พระอรหันต์ ผู้สิ้นอาสวะแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์ ทำกิจที่ต้องทำสำเร็จแล้ว มีภาระอันปลงลงแล้ว มีประโยชน์ของตนอันตามบรรลุถึงแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นไปหมดแล้ว เป็นผู้หลุดพ้นแล้ว เพราะรู้โดยชอบ, ภิกษุแม้นั้น ก็ย่อม รู้ชัดแจ้ง ซึ่ง ดิน น้ำ ไฟ ลม โดยความเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม; เมื่อรู้ชัดแจ้ง ซึ่งดิน น้ำ ไฟ ลม โดยสักแต่ว่าเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม แล้ว, ย่อม ไม่เป็นผู้หมายมั่น ซึ่งดิน น้ำ ไฟ ลม; ไม่หมายมั่นในดิน น้ำ ไฟ ลม; ไม่หมายมั่น โดยความเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ; ไม่หมายมั่นว่า 'ดิน น้ำ ไฟ ลม เป็นของเรา' ดังนี้; จึง ไม่เป็นผู้เพลิดเพลินยิ่ง ซึ่งดิน น้ำ ไฟ ลม. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า? เราขอตอบว่า "เพราะว่า ดิน น้ำ ไฟ ลม เป็นสิ่งที่ภิกษุผู้อรหันต์ขีณาสพนั้น ได้รู้รอบแล้ว" ดังนี้แล.
- มู. ม. 12/6/4.
(ในสูตรนี้ได้ตรัสสิ่งเป็นที่ตั้งแห่งความยึดถือนอกไปจากดินน้ำไฟลมอีก คือภูตสัตว์ เทพ ปชาบดี พรหม อาภัสสรพรหม สุภกินหพรหม เวหัปผลพรหม อภิภู อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ เนวสัญญานาสัญญายตนะ สิ่งที่เห็นแล้ว-ฟังแล้ว-รู้สึก-รู้แจ้งแล้ว เอกภาวะ นานาภาวะ สิ่งทั้งปวง และนิพพาน).