ไปยังหน้า : |
ภิกษุ ท. ! บุคคล 4 จำพวกเหล่านี้ มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก. 4 จำพวก อย่างไรเล่า ? 4 คือ บุคคลบางคน ได้เจโตสมถะในภายใน แต่ไม่ได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญา ; บุคคลบางคน ได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญา แต่ไม่ได้เจโตสมถะในภายใน ; บุคคลบางคน ไม่ได้ทั้งเจโตสมถะในภายในและไม่ได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญา ; บุคคลบางคน ได้ทั้งเจโตสมถะในภายในด้วยและได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญาด้วย.
ภิกษุ ท. ! บุคคล 4 จำพวกนั้น 1. บุคคลผู้ได้เจโตสมถะในภายใน แต่ไม่ได้ธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญานั้น บุคคลนั้น ควรดำรงตนอยู่ในเจโตสมถะในภายใน แล้วประกอบความเพียรในธัมมวิปัสสนาด้วยอธิปัญญา เถิด. สมัยต่อมาเขาก็จะเป็นผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วย.
2. ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แต่ไม่ได้เจโตสมถะในภายในนั้น บุคคลนั้น ควรดำรงตนอยู่ในอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา แล้วประกอบความเพียรในเจโตสมถะในภายใน. สมัยต่อมา เขาก็จะเป็นผู้ได้ทั้งอธิปัญญาธัมมวิปัสสนา และได้เจโตสมถะในภายในด้วย.
3. ภิกษุ ท. ! บุคคลผู้ไม่ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และไม่ได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนานั้น บุคคลนั้น เพื่อให้ได้ซึ่งกุศลธรรมทั้งสองนั้น พึงกระทำโดยประมาณอันยิ่งซึ่งฉันทะ (ความพอใจ) วายามะ (ความพยายาม) อุสสาหะ อุสโสฬหี (ความขะมักเขม้น) อัปปฏิวาณี (ความไม่ถอยหลัง) สติ และสัมปชัญญะ ให้เหมือนกับคนมีไฟลุกโพลงที่เสื้อผ้าหรือศีรษะ พึงกระทำซึ่งฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬหี อัปปฏิวาณี สติ และสัมปชัญญะ โดยประมาณอันยิ่ง เพื่อจะดับไฟอันลุกโพลงที่เสื้อผ้าหรือศีรษะนั้นเสีย, ฉันใดก็ฉันนั้น. สมัยต่อมา เขาก็จะเป็นผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายใน และได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วย.
4. ภิกษุ ท. ! ส่วน บุคคลผู้ได้ทั้งเจโตสมถะในภายในด้วย และได้อธิปัญญาธัมมวิปัสสนาด้วยนั้น บุคคลนั้น ควรดำรงตนอยู่ในกุศลธรรมทั้งสองนั้น แล้วประกอบความเพียร เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ให้ยิ่งขึ้นไป.
ภิกษุ ท. ! บุคคล 4 จำพวกเหล่านี้แล มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก.
- จตุกฺก. อํ. 21/121/93.
(ในพระบาลีบางแห่ง (14/524/829) ตรัสระบุมรรคหรืออริยสัจที่สี่ว่าได้แก่ สมถะและวิปัสสนา. ข้อความข้างบนนี้เกี่ยวกับสมถะและวิปัสสนา จึงนำมาใส่ไว้ในหมวดนี้).