ไปยังหน้า : |
ท่านผู้จอมเทพ ! เราโสมนัสว่ามี 2 อย่างคือ โสมนัสที่ควรเสพ และ โสมนัสที่ไม่ควรเสพ. กล่าว โทมนัสว่ามี 2 อย่างคือ โทมนัสที่ควรเสพ และ โทมนัสที่ไม่ควรเสพ. กล่าว อุเบกขาว่ามี 2 อย่างคือ อุเบกขาที่ควรเสพ และ อุเบกขาที่ไม่ควรเสพ.
บุคคลรู้โสมนัสใดว่าเมื่อเสพอยู่ อกุศลธรรมเจริญ กุศลธรรมเสื่อม ดังนี้แล้ว โสมนัสอย่างนี้ไม่ควรเสพ. บุคคลรู้โสมนัสใดว่าเมื่อเสพอยู่ อกุศลเสื่อม กุศลเจริญ ดังนี้แล้ว โสมนัสอย่างนี้ควรเสพ. ในบรรดาโสมนัสที่ควรเสพนั้น มีทั้งโสมนัสที่มีวิตกมีวิจาร และโสมนัสที่ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร ; โสมนัสที่ ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร เป็นโสมนัสที่ประณีตกว่า. ท่านผู้จอมเทพ ! เรากล่าว โสมนัสว่ามีสองอย่างคือ ควรเสพก็มี ไม่ควรเสพก็มี ดังนี้.
(ในกรณีแห่ง โทมนัส และอุเบกขา ก็มีหลักเกณฑ์ที่ตรัสไว้อย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งโสมนัส. ที่กล่าวว่า ‘ไม่ควรเสพเพราะทำให้อกุศลเจริญ’ นั้น หมายถึง เวทนาที่เกิดจากการครองเรือน. ที่กล่าวว่า ‘ควรเสพเพราะทำให้กุศลเจริญ’ นั้น หมายถึง เวทนาที่อาศัยเนกขัมมะ ไม่เกี่ยวข้องกับเรือน. ที่กล่าวว่า ‘มีวิตกวิจาร’ นั้น หมายถึงเวทนาที่เกิดจากการปฏิบัตินับตั้งแต่ปฐมฌานลงมา. ที่กล่าวว่า ‘ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร’ นั้น หมายถึง เวทนาที่เกิดจากการปฏิบัตินับตั้งแต่ทุติยฌานขึ้นไป. ถ้าบุคคลเกี่ยวข้องกับเวทนาทั้งสามนี้อย่างถูกต้อง การทำความเพียรเพื่อละอกุศล และเจริญกุศล จักเป็นไปโดยง่าย).
- มหา. ที. ๑๐/๓๑๒/๒๕๗.