ไปยังหน้า : |
(ตอไปนี้ ไดตรัสถึงฝูงเนื้อจําพวกที่สอง ซึ่งเปรียบกันไดกับสมณพราหมณจําพวกที่สอง วา :-)
ภิกษุ ท.! เนื้อพวกที่สอง (รูความวินาศของเนื้อจําพวกที่หนึ่งโดยประการทั้งปวงแลว) มาคิดกันวา "ถาอยางไร เราเวนการกินผักซึ่งเปนโภชนะ อันตรายเหลานี้โดยประการทั้งปวงเสีย เขาไปอยูในราวปากันเถิด" ดังนี้. เนื้อเหลานั้น เวนการกินผัก ซึ่งเปนโภชนะอันตรายเหลานั้นโดยประการทั้งปวง แลวเขาไปอยูในราวปา แลว: ครั้งถึงเดือนสุดทายแหงฤดูรอนเปนเวลาที่หมดหญาและน้ำ รางกายก็ถึงซึ่งความซูบผอมอยางยิ่ง เมื่อมีรางกายซูบผอมอยางยิ่งกําลังอันแกลวกลาก็หมดไป เมื่อกําลังอันแกลวกลาหมดไป ก็ยอนกลับมาสูถิ่นแหงสวนผัก ที่เจาของสวนผักปลูกไวอีก. ฝูงเนื้อเหลานั้น ไดเขาไปกินผักในสวนผักอยางลืมตัว เมื่อเขาไปกินอยูอยางลืมตัวก็ถึงซึ่งความเลินเลอ เมื่อเลินเลอก็ถึงซึ่งความประมาท เมื่อประมาทก็เปนสัตวที่เจาของสวนผักกระทําไดตามความพอใจในสวนผักนั้น. ภิกษุ ท.! ดวยอาการอยางนี้แล ฝูงเนื้อพวกที่สองนั้นก็ไมพนไปจากกํามือแหงเจาของสวนผัก.
(พระผูมีพระภาคเจา ไดทรงยกเอาสมณพราหมณจําพวกที่สองมาเปรียบกับฝูงเนื้อจําพวกที่สอง ดังนี้วา :-)
ภิกษุ ท.! บรรดาสมณพราหมณทั้งหลาย สมณพราหมณจําพวกที่สอง (รูความวินาศของสมณพราหมณจําพวกที่หนึ่งโดยประการทั้งปวงแลว) มาคิดกันวา "ถากระไร เราเวนจากโลกามิสซึ่งเปนเสมือนการบริโภคเหยื่อโดยประการทั้งปวงเสีย เวนจากโภชนะอันตราย แลวเขาไปอาศัยอยูในราวปากันเถิด" ดังนี้. สมณพราหมณเหลานั้น เวนจากโลกามิส อันเปนเสมือนการบริโภคเหยื่อโดยประการทั้งปวง เวนโภชนะอันตราย พากันเขาไปอยูในราวปา แลว. สมณพราหมณเหลานั้น เปนผูมีผักสากะเปนภักษาบาง มีผักสามากะเปนภักษาบางมีลูกเดือยเปนภักษาบาง มีเปลือกไมเปนภักษาบาง มีสาหรายเปนภักษาบาง มีรําเปนภักษาบาง มีขาวตังเปนภักษาบาง มีเมล็ดผักกาดเปนภักษาบาง มีหญาเปนภักษาบาง มีโคมัยเปน ภักษาบาง มีเงาไมและผลไมในปาเปนอาหาร ยังอัตภาพใหเปนไป เปนผูบริโภคผลตามที่มีอยูโดยธรรมชาติ; ครั้นถึงเดือนสุดทายแหงฤดูรอน เปนเวลาที่หมดผักหมดหญาหมดน้ำ รางกายก็ถึงซึ่งความซูบผอมอยางยิ่ง เมื่อมีรางกายซูบผอมอยางยิ่งกําลังเรี่ยวแรงก็หมดไป เมื่อกําลังเรี่ยวแรงหมดไปเจโตวิมุตติก็เสื่อม เมื่อเจโตวิมุตติเสื่อม ก็ ยอนกลับมาหาโลกามิส ซึ่งเปนเสมือนกับสวนผักอันมารปลูกไวเหลานั้นอีก. สมณพราหมณเหลานั้น เขาไปบริโภคอยูอยางลืมตัว ครั้นเขาไปบริโภคอยูอยางลืมตัวก็ถึงซึ่งความมัวเมา ครั้นมัวเมาอยูก็ถึงซึ่งความประมาท ครั้นประมาทแลวก็เปนผูที่มารพึงกระทําไดตามความพอใจ ในโลกามิสอันเปนเสมือนสวนผักของมารนั้น. ภิกษุ ท.! ดวยอาการอยางนี้แล สมณพราหมณแมพวกที่สองนี้ก็ไมพนไปจากอิทธานุภาพแหงมาร. ภิกษุ ท.! เรากลาวสมณพราหมณพวกที่สองนี้ วามีอุปมาเหมือนฝูงเนื้อพวกที่สองนั้น, ฉันใดก็ฉันนั้น.