ไปยังหน้า : |
ภิกษุ ท.! การเข้าถึงซึ่งกาม 3 อย่าง เหล่านี้ มีอยู่. สามอย่างอย่างไรเล่า? สามอย่างคือ ผู้มีกามอันตนดำรงอยู่ ผู้ยินดีในกามอันตนนิรมิตรเอง ผู้ใช้อำนาจให้เป็นไปในกามที่ผู้อื่นนิรมิตให้. ภิกษุ ท.! เหล่านี้แล เป็นการเข้าถึงกาม 3 อย่าง
(คาถาผนวกท้ายพระสูตร)
พวกชนผู้มีกามอันตนดำรงอยู่ เทพยดาผู้ใช้อำนาจให้เป็นไปในกามที่ผู้อื่นนิรมิตให้ เทพยดาผู้ยินดีในกามอันตนนิรมิตเอง และผู้บริโภคกามเหล่าอื่นก็ดี ล้วนแต่ตั้งอยู่แล้วในการบริโภคกาม ทั้งชนิดนี้และชนิดอื่น.
บุคคลพึงเว้นซึ่งกามทั้งปวงเสีย ทั้งที่เป็นของทิพย์และของมนุษย์ พึงตัดซึ่งกระแสแห่งกามอันหยั่งลงในปิยรูปและสาตรูป อันเป็นกระแสที่ก้าวล่วงได้ยาก แล้วย่อมปรินิพพานไม่มีส่วนเหลือ ก้าวล่วงทุกข์ไม่มีส่วนเหลือ เป็นบัณฑิต เห็นธรรมอันประเสริฐ ถึงเวทด้วยปัญญาอันชอบ, ไม่ถึงซึ่งความมีภาพใหม่ เพราะรู้ยิ่งซึ่งความสิ้นไปแห่งชาติ.
- อิติวุ. ขุ. 25/302/275.
ภิกษุ ท.! บุคคลผู้ประกอบด้วยกามโยคะ และประกอบด้วยภวโยคะ ย่อมเป็นอาคามี คือผู้มาสู่ความเป็นอย่างนี้ (ความเป็นมนุษย์ผู้บริโภคกาม).
ภิกษุ ท.! บุคคลผู้ปราศจากกามโยคะ แต่ยังประกอบด้วยภวโยคะ ย่อมเป็นอนาคามี คือผู้ไม่มาสู่ความเป็นอย่างนี้.
ภิกษุ ท.! บุคคลผู้ปราศจากกามโยคะ และปราศจากภวโยคะ ย่อมเป็น อรหันต์สิ้นอาสวะ, ดังนี้.
(คาถาผนวกท้ายพระสูตร)
สัตว์ทั้งหลาย ผู้ประกอบด้วยกามโยคะและภวโยคะทั้งสองอย่าง ย่อมไปสู่สังสาระ อันเป็นเครื่องให้ถึงซึ่งชาติและมรณะ.
สัตว์ผู้ละกามแล้ว แต่ยังไม่ถึงความสิ้นอาสวะ ยังประกอบอยู่ด้วยภวโยคะ นี้เรียกว่า อนาคามี.
ส่วนพวกที่ตัดความสงสัยได้แล้ว สิ้นมานะและภพใหม่ก็ถึงฝั่งนอกแห่งโลก คือถึงความสิ้นอาสวะ.
- อิติวุ. ขุ. 25/303/276.