ไปยังหน้า : |
"ข้าแต่พระผู้มีพระภาค! บัดนี้ เป็นการอันสมควรที่พระผุ้มีพระภาคจะพึงทรงแสดงโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้า. ภิกษุทั้งหลายได้ฟังต่อพระผู้มีพระภาคแล้วจักทรงจำไว้."
อานนท์! ในกรณีนี้ บุถุชน ผู้ไม่มีการสดับ ไม่เห็นพระอริยเจ้า ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยเจ้า ไม่ได้รับการแนะนำในธรรมของพระอริยเจ้า, ไม่เห็นสัปบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัปบุรุษไม่ได้รับการแนะนำ ในธรรมของสัปบุรุษ : -
เขามีจิตอัน สักกายทิฏฐิกลุ้มรุมแล้ว อันสักกายทิฏฐิห่อหุ้มแล้ว อยู่; เขา ไม่รู้ชัดตามเป็นจริงซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออกจากสักกายทิฏฐิอันเกิดขึ้นแล้ว, สักกายทิฏฐินั้นก็เป็นของมีกำลัง จนเขานำออกไปไม่ได้ จึงเป็นโอรัมภาคิยสังโยชน์. (ในกรณีแห่งวิจิกิจฉา สีลัพพัตตปรามาส กามราคะและพยาบาท (หรือปฏิฆะ) ก็มีข้อความตรัสไว้อย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งสักกายทิฏฐิทุกประการ).
อานนท์! ส่วนอริยสาวกผู้มีการสดับ ได้เห็นพระอริยเจ้า เป็นผู้ฉลาดในธรรมของพระ-อริยเจ้า ได้รับการแนะนำในธรรมของพระอริยเจ้า, ได้เห็นสัปบุรุษ เป็นผู้ฉลาดในธรรมของสัปบุรุษได้รับการแนะนำในธรรมของสัปบุรุษ :-
เธอมีจิตอันสักกายทิฏฐิไม่กลุ้มรุม อันสักกายทิฏฐิไม่ห่อหุ้มอยู่. อริยสาวกนั้นย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริง ซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออกจากสักายทิฏฐิอันเกิดขึ้นแล้ว, สักกายทิฏฐินั้น อันอริยสาวกนั้นย่อมละได้พร้อมทั้งอนุสัย. (ในกรณีแห่ง วิจิกิจฉา สีลัพพัตตปรามาส กามราคะ และพยาบาท (หรือปฏิฆะ) ก็มีข้อความตรัสไว้อย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งสักกายทิฏฐิทุกประการ).
- ม. ม. 13/156/155.
(การที่บุคคลลักกายทิฏฐิเป็นต้นไม่ได้ จนเป็นธรรมชาติมีกำ ลังถึงกับเขานำ ออกไม่ได้ นั่นคือลักษณะแห่งความเป็นโอรัมภาคิยสังโยชน์. รายละเอียดของสักกายทิฏฐิ ดูได้ที่หัวข้อว่า "สักกายทิฏฐิ มีได้ด้วยอาการอย่างไร" แห่งหนังสือเล่มนี้ ที่หน้า 372).