ไปยังหน้า : |
กัสสป ! ข้ออื่น ที่เราจะต้องพูดกันอีก มีอยู่ ; คือวิญญูชนทั้งหลาย จงลองหยิบขึ้นมาแยกแยะ จงลองสอบสวน จงลองซักซ้อม เปรียบเทียบกันระหว่างศาสดากับศาสดา ระหว่างสาวกกับสาวก ว่า ในบรรดาธรรมทั้งหลายที่ท่านผู้เจริญทั้งสองฝ่ายเหล่านี้ยอมรับตรงกัน ว่า เป็นกุศล นับเนื่องในกุศล, เป็นธรรมไม่มีโทษ นับเนื่องในธรรมไม่มีโทษ, เป็นธรรมควรเสพ นับเนื่องในธรรมที่ควรเสพ, เป็นธรรมควรแก่อริยะ นับเนื่องในธรรมควรแก่อริยะ, เป็นธรรมฝ่ายขาว นับเนื่องในธรรมฝ่ายขาว ดังนี้ ธรรมเหล่านี้ทั้งหมดนั้น คนพวกไหนสมาทานประพฤติธรรมเหล่านั้นได้ครบถ้วนไม่มีเหลือ คือจะเป็นพวกสาวกของพระสมณโคดม หรือจะเป็นพวกสาวกของคณาจารย์ผู้เจริญเหล่าอื่นเล่า ?
กัสสป ! ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้, คือเมื่อวิญญชนทั้งหลาย ลองหยิบขึ้นมาแยกแยะ ลองสอบสวน ลองซักซ้อมดู ในธรรมทั้งหลายเหล่านั้น ว่าจะเป็นพวกไหนที่ประพฤติได้หมดจดไม่มีส่วนเหลือ ดังนี้แล้ว วิญญูชนเหล่านั้น ก็จะพากันสรรเสริญพวกเราเป็นส่วนมาก ในข้อนั้น ; เพราะว่า หนทางมีอยู่ ปฏิปทามีอยู่ ซึ่งผู้ปฏิบัติตามแล้ว จักรู้ได้เองเห็นได้เอง ว่า “พระสมณโคดม เป็นผู้มีปรกติกล่าวตามกาล (กาลวาที) กล่าวถูกต้องตามที่เป็นจริง (ภูตวาที) กล่าวโดยอรรถ (อตฺถวาที) กล่าวโดยธรรม (ธมฺมวาที) กล่าวโดยวินัย (วินยวาที)” ดังนี้.
กัสสป ! หนทางนั้นเป็นอย่างไร ? ปฏิปทานั้นเป็นอย่างไร เล่า ? หนทางนั้นคือ หนทางอันประเสริฐ ประกอบด้วยองค์ 8 ประการ, ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.
กัสสป ! นี้แลเป็นหนทาง เป็นปฏิปทา ซึ่งผู้ปฏิบัติตามนั้นแล้ว จักรู้ได้เอง จักเห็นได้เองทีเดียว ว่าพระสมณโคดมเป็นผู้มีปกติกล่าวตามกาล กล่าวถูกต้องตามที่เป็นจริง กล่าวโดยอรรถ กล่าวโดยธรรม กล่าวโดยวินัย ดังนี้.
- สี. ที. ๙/๒๐๙/๒๖๕.