ไปยังหน้า : |
(ตอไปนี้ไดตรัสถึงฝูงเนื้อพวกที่สี่ ซึ่งเปรียบกันไดกับสมณพราหมณจําพวกที่สี่ สืบไปวา :-)
ภิกษุ ท.! ฝูงเนื้อพวกที่สี่ (รูความวินาศของเนื้อพวกที่หนึ่ง พวกที่สอง และพวกที่สาม โดยประการทั้งปวงแลว) มาคิดกันวา "ถาอยางไร เราอาศัยซุมซอนอยูในที่ซึ่งเจาของสวนผักและบริวารไปไมถึง ครั้นอาศัยที่ซุมซอนอยูในที่ซึ่งเจาของสวนผักและบริวารไปไมถึง จะไมลืมตัวเขาไปกินผัก ที่เจาของสวนผักปลูก จะไมถึงซึ่งความเลินเลอ เมื่อไมเลินเลอจักไมถึงซึ่งความประมาทเมื่อไมประมาทแลวก็ไมเปนสัตวที่ใคร ๆ พึงทําอะไร ๆ ไดตามความพอใจ ในสวนผักของเจาของผักนั้น. ฝูงเนื้อเหลานั้น (ก็ประพฤติกระทําตามความคิดนั้น). ภิกษุ ท.! ความคิดไดเกิดขึ้นแกเจาของสวนผักกับริวารเหลานั้นวา "ฝูงเนื้อพวกที่สี่เหลานี้ คงจะมีเลหเหลี่ยมกลโกงเหมือนมีฤทธิ์เปนแน ฝูงเนื้อพวกที่สี่นี้คงจะเปนสัตวพิเศษชนิดอื่นเปนแน มันจึงมากินผักที่เราปลูกนี้ได. และเราก็ไมเขาใจการมาการไปของมัน. ถากระไร เราพึงลอมซึ่งที่นั้นโดยรอบดวยเครื่องลอมชนิดทัณฑวาคุระใหญ ๆ ทั้งหลาย เราคงจะไดเห็นที่ซุมซอนของฝูงเนื้อพวกที่สี่ อันเปนที่ซึ่งมันแอบเขามากิน" ดังนี้. ชนเหลานั้นไดทําการลอมพื้นที่ปลูกผักนั้นโดยรอบ ดวยเครื่องลอมชนิดทัณฑวาคุระใหญ ๆ ทั้งหลายแลว.ภิกษุ ท.! เจาของสวนผักและบริวารไมไดพบที่ซุมซอนของฝูงเนื้อพวกที่สี่ อันเปนที่ซึ่งมันแอบเขามากิน. ภิกษุ ท.! ความคิดไดเกิดขึ้นแกเจาของสวนผักและบริวารวา "ถาเราทําฝูงเนื้อพวกที่สี่ใหแตกตื่นแลว มันก็จะทําใหฝูงอื่นแตกตื่นดวย ดวยการทําอยางนี้ฝูงเนื้อทั้งปวงก็เริศรางไปจากผักที่เราปลูกไว ถากระไรเราพึงทําความพยายามเจาะจง (ทําความแตกตื่น) แกเนื้อพวกที่สี่" ดังนี้ ภิกษุ ท.! เจาของสวนผักและบริวารไดทําความพยายามาเจาะจง (ทําความแตกตื่น) แกฝูงเนื้อพวกที่สี่แลว. ภิกษุ ท.! ดวยอาการอยางนี้แล ฝูงเนื้อพวกที่สี่นั้นก็พนไปจากกํามือของเจาของสวนผัก.
(พระผูมีพระภาคเจาไดทรงยกเอาสมณพราหมณจําพวกที่สี่ มาเปรียบกับฝูงเนื้อจําพวกที่สี่ ดังนี้วา :-
ภิกษุ ท.! บรรดาสมณพรหมณทั้งหลาย สมณพราหมณพวกที่สี่ (รูความวินาศของสมณพราหมณจําพวกที่หนึ่ง ที่สอง และที่สาม โดยประการทั้งปวงแลว) มาคิดกันวา "ถากระไร เรา อาศัยที่ซุมซอนอยูในที่ซึ่งมารและบริวารของมารไปไมถึง ครั้นอาศัยซุมซอนอยูในที่นั้นแลว จะ ไมลืมตัวเขาไปบริโภคโลกามิส ซึ่งเปนเสมือนสวนผักที่มารปลูกไว เมื่อไมลืมตัวเขาไปกินก็ไมถึงซึ่งความมัวเมา เมื่อไมมัวเมาก็ไมถึงซึ่งความประมาท เมื่อไมประมาทก็จักเปนผูที่มารไมทําอะไรๆ ไดตามความพอใจในโลกามิสซึ่งเปนเสมือนสวนผักที่มารปลูกไว" ดังนี้. สมณพราหมณเหลานั้น (ก็ไดประพฤติกระทําตามความคิดนั้น). ภิกษุ ท.! ดวยอาการอยางนี้แล สมณพราหมณพวกที่สี่นี้ ก็พนไปจากอิทธานุภาพของมาร.ภิกษุ ท.! เรากลาวสมณพราหมณพวกที่สี่นี้ วามีอุปมาเหมือนฝูงเนื้อพวกที่สี่นั้น. ฉันใดก็ฉันนั้น.
ภิกษุ ท.! ที่ซึ่งมารและบริวารของมารไปไมถึงนั้น เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! ในกรณีนี้คือ ภิกษุ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลายจึงเขาถึง ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปติและสุขอันเกิดแตวิเวก แลวแลอยูภิกษุ ท.! ภิกษุนี้เรากลาววา ไดทํามารใหเปนผูตาบอดไมมีรองรอยมารกําจัดเสียแลวซึ่งจักษุแหงมาร ไปแลวสูที่ซึ่งมารผูมีบาปมองไมเห็น.
(ตอไปนี้ไดตรัสถึงการบรรลุ ทุติยฌาน - ตติยฌาน - จตุตถฌาน - อากาสา-นัญจายตนะ - วิญญาณัญจายตนะ - อาญจัญญายตนะ - เนวสัญญานาสัญญายตนะ .วาเปนที่ซึ่งมารไปไมถึง โดยนัยเดียวกันกับปฐมฌาน เปนลําดับไป, จนกระทั่งถึงสัญญาเวทยิต-นิโรธโดยขอความสืบตอไปวา :-)
ภิกษุ ท.! ยิ่งไปกวานั้นอีก : ภิกษุกาวลวงเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เขาถึงซึ่ง สัญญาเวทยิตนิโรธ แลวแลอยู, และเพราะเห็นแลวดวยปญญา อาสวะทั้งหลายของเธอก็สิ้นไปรอบ. ภิกษุ ท.! ภิกษุนี้เรากลาววา ไดทํามารใหเปนผูตาบอดไมมีรองรอย กําจัดเสียแลวซึ่งจักษุแหงมาร ไปแลวสูที่ซึ่งมารผูมีบาปมองไมเห็น ไดขามแลวซึ่งตัณหาในโลก, ดังนี้แล.
(คําวา "เห็นแลวดวยปญญา" ในที่นี้ คือเห็นทุกข, เหตุใหเกิดทุกข, ความดับไมเหลือแหงทุกข, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข, และเห็นอาสวะ, เหตุใหเกิดอาสวะ, ความดับไมเหลือแหงอาสวะ, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงอาสวะ, จนเปนผูสิ้นอาสวะซึ่งเรียกวา "การพนจากบวง".)
- มู. ม. 12/298-311/301-311.