อาการที่อวิชชาทำให้มีการเกิดดับแห่งสังขาร

ภิกษุ ท. ! เมื่อกาย (กายทวารที่ทำหน้าที่อยู่ด้วยอวิชชา) มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายในย่อมเกิดขึ้น เพราะกายสัญเจตนา (ความจงใจที่เป็นไปทางกาย) เป็นเหตุ ; ภิกษุ ท. ! หรือว่า เมื่อวาจา (วจีทวารที่ทำหน้าที่อยู่ด้วยอวิชชา) มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายในย่อมเกิดขึ้น เพราะวจีสัญเจตนา (ความจงใจที่เป็นไปทางวาจา) เป็นเหตุ ; ภิกษุ ท. ! หรือว่า เมื่อมโน (มโนทวารที่ทำหน้าที่อยู่ด้วยอวิชชา) มีอยู่, สุขและทุกข์อันเป็นภายในย่อมเกิดขึ้น เพราะมโนสัญเจตนา (ความจงใจที่เป็นไปทางใจ) เป็นเหตุ.

ภิกษุ ท. ! อนึ่ง เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย นั่นแหละ บุคคลย่อมปรุงแต่ง กายสังขาร (อำนาจที่ให้เกิดการปรุงแต่งทางกาย) อันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่ตน ด้วยตนเอง ก็มี ; หรือว่า เหตุปัจจัยอะไรอื่นเป็นเหตุให้บุคคลย่อมปรุงแต่งกายสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่เขา ก็มี ; หรือว่า บุคคล รู้เรื่อง (เกี่ยวกับบุญบาป ดีชั่ว) นั้น ๆ อยู่ ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่ตน อยู่ก็มี ; หรือว่า บุคคล ไม่มีความรู้เรื่อง (เกี่ยวกับบุญบาป ดีชั่ว) นั้น ๆ อยู่ ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่ตน อยู่ก็มี.

ภิกษุ ท. ! หรือว่า เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย นั่นแหละ บุคคลย่อมปรุงแต่ง วจีสังขาร (อำนาจที่ให้เกิดการปรุงแต่งทางวาจา) อันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่ตน ด้วยตนเอง ก็มี ; หรือว่า เหตุปัจจัยอะไรอื่น เป็นเหตุให้บุคคลย่อมปรุงแต่งวจีสังขารอันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่เขา ก็มี ; หรือว่า บุคคล รู้เรื่อง (เกี่ยวกับบุญบาป ดีชั่ว) นั้น ๆ อยู่ ย่อมปรุงแต่งวจีสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่ตน อยู่ก็มี ; หรือว่า บุคคล ไม่มีความรู้เรื่อง (เกี่ยวกับบุญบาป ดีชั่ว) นั้น ๆ อยู่ ย่อมปรุงแต่งวจีสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่ตน อยู่ก็มี.

ภิกษุ ท. ! หรือว่า เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย นั่นแหละ บุคคลย่อมปรุงแต่ง มโนสังขาร (อำนาจที่ให้เกิดการปรุงแต่งทางใจ) อันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่ตน ด้วยตนเอง ก็มี ; หรือว่า เหตุปัจจัยอะไรอื่น เป็นเหตุให้บุคคลย่อมปรุงแต่งมโนสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่เขา ก็มี ; หรือว่า บุคคล รู้เรื่อง (เกี่ยวกับบุญบาป ดีชั่ว) นั้น ๆ อยู่ ย่อมปรุงแต่งมโนสังขารอันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่ตน อยู่ก็มี ; หรือว่า บุคคล ไม่มีความรู้เรื่อง (เกี่ยวกับบุญบาป ดีชั่ว) นั้น ๆ อยู่ ย่อมปรุงแต่งมโนสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่ตน อยู่ก็มี.

ภิกษุ ท. ! อวิชชา เป็นตัวการที่แทรกแซงอยู่ในธรรมทั้งหลาย (ทั้ง 12 ประการ) เหล่านี้. (คือหมวด กายสังขาร 4 หมวด วจีสังขาร 4 และหมวด มโนสังขาร 4 ดังที่กล่าวแล้ว).

ภิกษุ ท. ! เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอวิชชา นั้น นั่นเทียว กาย (กายทวารที่ทำหน้าที่อยู่ด้วยอวิชชา) นั้น ก็ไม่มีเพื่อความเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้นแก่เขา ; วาจา (วจีทวารที่ทำหน้าที่อยู่ด้วยอวิชชา) นั้น ก็ไม่มีเพื่อความเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้นแก่เขา ; มโน (มโนทวารที่ทำหน้าที่อยู่ด้วยอวิชชา) นั้น ก็ไม่มีเพื่อความเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้นแก่เขา ; เขตต์ (กรรมที่เปรียบเสมือนเนื้อนาสำหรับงอก) ก็ไม่มีเพื่อความเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้นแก่เขา ; วัตถุ (พืชเพื่อการงอก) ก็ไม่มีเพื่อความเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้นแก่เขา ; อายตนะ (การสัมพันธ์เพื่อให้เกิดการงอก) ก็ไม่มีเพื่อความเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้นแก่เขา ; อธิกรณะ (กรรมเป็นเครื่องกระทำให้เกิดการงอก) ก็ไม่มีเพื่อความเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้นแก่เขา.

- จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๑๓/๑๗๑.


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

หนังสือที่เกี่ยวข้อง