ไปยังหน้า : |
ภิกษุ ท.! บุรุษผูหนึ่งมีความตองการดวยแกนไม เสาะหาแกนไมเที่ยวหาแกนไมอยู่, เขาจึงถือเอาขวานอันคมเขาไปสู่ป่า. เขาเห็น ตนกลวย ตนใหญ ในปานั้น ลําตนตรง ยังออนอยู ยังไมเกิดแกนไส. เขาตัดตนกลวยนั้นที่โคน แลวตัดปลาย แลวจึงปอกกาบออก. บุรุษนั้น เมื่อปอกกาบออกอยู ณ ที่นั้น ก็ไมพบแมแตกระพี้ (ของมัน ) จักพบแกนไดอยางไร. บุรุษ ผูมีจักษุ (ตามปรกติ) เห็นตนกลวยนั้น ก็เพงพินิจพิจารณาโดยแยบคาย. เมื่อบุรุษนั้นเห็นอยู เพงพินิจพิจารณาโดยแยบคายอยู, ตนกลวยนั้น ยอมปรากฏเปนของวาของเปลา และปรากฏเปนของหาแกนสารมิไดไป. ภิกษุ ท.! ก็แกนสารในตนกลวยนั้น จะพึงมีไดอยางไร, อุปมานี้ฉันใด;
ภิกษุ ท.! อุปไมยก็ฉันนั้น คือ สังขารทั้งหลาย ชนิดใดชนิดหนึ่งมีอยู จะเปนอดีตอนาคตหรือปจจุบันก็ตาม เปนภายในหรือภายนอกก็ตาม หยาบหรือละเอียดก็ตาม เลวหรือประณีตก็ตาม มีในที่ไกลหรือที่ใกลก็ตาม; ภิกษุสังเกตเห็น (การเกิดขึ้นแหง) สังขารทั้งหลายเหลานั้น ยอมเพงพินิจพิจารณาโดยแยบคาย. เมื่อภิกษุนั้นสังเกตเห็นอยู เพงพินิจพิจารณาโดยแยบคายอยู, สังขารทั้งหลาย ยอมปรากฏเปนของวางของเปลา และปรากฏเปนของหาแกนสารมิไดไป. ภิกษุ ท.! ก็แกนสารในสังขารทั้งหลายเหลานั้น จะพึงมีไดอยางไร.
- ขนฺธ. สํ. 17/172/245.