ไปยังหน้า : |
ภิกษุ ท.! ธรรมนี้นี่แล อันเราแสดงแลว เปนธรรมอันสมณพราหมณผูรูทั้งหลายขมขี่ไมได ทําใหเศราหมองไมได ติเตียนไมได คัดงางไมได.
ภิกษุ ท.! ธรรมอันเราแสดงแลว เปนธรรมอันสมณพราหมณผูรูทั้งหลายขมขี่ไมได ทําใหเศราหมองไมได ติเตียนไมได คัดงางไมได เปนอยางไรเลา ?
....(ทรงแสดง ธาตุ หก) ....
.... (ทรงแสดง ผัสสายตนะ หก) ....
.... (ทรงแสดง มโนปวิจาร สิบแปด) ....
ภิกษุ ท.! ธรรมอันเราแสดงแลววา "เหลานี้ คือ อริยสัจทั้งหลาย ๔ ประการ" ดังนี้เปนธรรมอันสมณพราหมณผูรูทั้งหลายขมขี่ไมได ทําใหเศราหมองไมได ติเตียนไมได คัดงางไมได.
....ฯลฯ.... ....ฯลฯ....
ภิกษุ ท.! ธรรมอันเราแสดงแลววา "เหลานี้ คืออริยสัจทั้งหลาย ๔ ประการ" ดังนี้เปนธรรมอันสมณพราหมณผูรูทั้งหลายขมขี่ไมได ทําใหเศราหมองไมได ติเตียนไมได คัดงางไมได. ขอนี้เปนธรรมที่เรากลาวแลวอยางนี้เราอาศัยซึ่งอะไรเลา จึงกลาวแลวอยางนี้ ? ภิกษุ ท.! เพราะอาศัยซึ่งธาตุทั้งหลาย ๖ ประการ การกาวลงสูครรภยอมมี; เมื่อการกาวลงสูครรภ มีอยู, นามรูปยอมมี; เพราะมีนามรูปเปนปจจัย จึงมีสฬายตนะ; เพราะมีสฬายตนะเปนปจจัย จึงมีผัสสะ; เพราะมีผัสสะเปนปจจัย จึงมีเวทนาภิกษุ ท.! เรายอมบัญญัติวา "นี้เปนความทุกข" ดังนี้; วา "นี้เปนทุกขสมุทัย" ดังนี้; วา" นี้ เปนทุกขนิโรธ" ดังนี้; วา" นี้ เปนทุกขนิโรธคามินี-ปฏิปทา" ดังนี้; แกสัตวผูสามารถเสวยเวทนา.
ภิกษุ ท.! ทุกขอริยสัจ เปนอยางไรเลา ? แมความเกิด ก็เปนทุกข, แมความแก ก็เปนทุกข, แมความตาย ก็เปนทุกข, แมโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย ก็เปนทุกข, การประสบกับสิ่งไมเปนที่รัก เปนทุกข ความพลัดพรากจากสิ่งเปนที่รัก เปนทุกข, ปรารถนาสิ่งใดแลวไมไดสิ่งนั้น นั่นก็เปนทุกข : กลาวโดยยอ ปญจุปาทานขันธทั้งหลาย เปนทุกข. ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา ทุกขอริยสัจ.
ภิกษุ ท.! ทุกขสมุทยอริยสัจ เปนอยางไรเลา ? เพราะมีอวิชชาเปนปจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย; เพราะมีสังขารเปนปจจัย จึงมีวิญญาณ; เพราะมีวิญญาณเปนปจจัย จึงมีนามรูป; เพราะมีนามรูปเปนปจจัย จึงมีสฬายตนะ; เพราะมีสฬายตนะเปนปจจัย จึงมีผัสสะ; เรามีผัสสะเปนปจจัยจึงมีเวทนา; เพราะมีเวทนาเปนปจจัย จึงมีตัณหา; เพราะมีตัณหาเปนปจจัยจึงมีอุปาทาน; เพราะมีอุปาทานเปนปจจัย จึงมีภพ; เพราะมีภพเปนปจจัยจึงมีชาติ; เพราะมีชาติเปนปจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถวน : ความเกิดขึ้นพรอมแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ยอมมี ดวยอาการอยางนี้. ภิกษุ ท.! นี้ เรากลาววา ทุกขสมุทยอริยสัจ.
ภิกษุ ท.! ทุกขนิโรธอริยสัจ เปนอยางไรเลา? เพราะความจางคลายดับไปโดยไมเหลือแหงอวิชชานั้นนั่นเทียว. จึงมีความดับแหงสังขาร; เพราะมีความดับแหงสังขาร จึงมีความดับแหงวิญญาณ; เพราะมีความดับแหงวิญญาณ จึงมีความดับแหงนามรูป; เพราะมีความดับแหงนามรูป จึงมีความดับแหงสฬายตนะ; เพราะมีความดับแหงสฬายตนะ จึงมีความดับแหงผัสสะ; เพราะมีความดับแหงผัสสะ จึงมีความดับแหงเวทนา; เพราะมีความดับแหงเวทนา จึงมีความดับแหงตัณหา; เพราะมีความดับแหงตัณหา จึงมีความดับแหงอุปาทาน; เพราะมีความดับแหงแหงอุปาทาน จึงมีความดับแหงภพ; เพราะมีความดับแหงภพ จึงความดับแหงชาติ; เพราะมีความดับแหงชาตินั่นแลชรามรณะ โสกะปริเทวะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมี ดวยอาการอยางนี้. ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววาทุกขนิโรธอริยสัจ.
ภิกษุ ท.! ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ เปนอยางไรเลา ? มรรคอันประเสริฐ ประกอบดวยองค ๘ ประการ นี้นั่นเอง กลาวคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติสัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ.
ภิกษุ ท.! ขอที่วา "ธรรมอันเราแสดงแลววา 'เหลานี้ คืออริยสัจทั้งหลาย ๔ ประการ' ดังนี้ เปนธรรมอันสมณพราหมณผูรูทั้งหลายขมขี่ไมไดทําใหเศราหมองไมได ติเตียนไมได คัดงางไมได" ดังนี้ อันใด อันเรากลาวแลว; ขอนั้น เรากลาวหมายถึงขอความดังกลาวมานี้ แล.
- ติก. อํ. 20/225/501.