ไปยังหน้า : |
ราชกุมาร ! เมื่อเรายังเปนโพธิสัตว ยังไมไดตรัสรู กอนแตการตรัสรู ไดเกิดความรูสึกขึ้นภายในใจ วา "ชื่อวาความสุขแลว ใคร ๆ จะบรรลุไดโดยงายเปนไมมี" ดังนี้. ครั้นสมัยอื่นอีก เรานั้น ทั้งที่ยังหนุม เกศายังดําจัดบริบูรณดวยเยาวอันเจริญ ในปฐมวัย, เมื่อมารดาบิดาไมปรารถนาดวย กําลังพากันรองไห น้ําตานองหนาอยู, เราไดปลงผมและหนวด ครองผายอมฝาดออกจากเรือน บวช เปนผูไมเกี่ยวของดวยเรือนแลว.
เรานั้น ครั้นบวชอยางนี้แลว แสวงหาอยูวา อะไรเปนกุศล คนหาแตสิ่งที่ประเสริฐ ชนิดที่ไมมีอะไรยิ่งไปกวา. ไดเขาไปหา อาฬารดาบส ผูกาลามโคตร….ไดเขาไปหา อุทกดาบส ผูรามบุตร….เลาเรียนธรรมนั้น ๆ ไดฉับไวไมนานเลย….ไดเกิดความรูสึกนี้ วา “ธรรมนี้ จะไดเปนไปพรอมเพื่อความหนายทุกข ความคลายกําหนัด ความดับ ความรํางับ ความรูยิ่ง ความรูพรอม และนิพพาน ก็หาไม, แตเปนไปพรอมเพียงเพื่อการบังเกิดใน เนวสัญญานาสัญญายตนภพ เทานั้นเอง" เราไมทําการหยุดเสียเฉพาะแคธรรมนั้น ๆ เหนื่อยหนายจากธรรมนั้น ๆ แลวหลีกไปเสีย.
เรานั้น เมื่อหลีกจากสํานักอุทกดาบสผูรามบุตรแลว แสวงหาอยูวาอะไรเปนกุศล คนหาแตสิ่งที่ประเสริฐอันไมมีอื่นยิ่งไปกวา สืบไป, เที่ยวจาริกไปตามลําดับหลายตําบล ในมคธรัฐ จนลุถึงตําบลอุรุเวลาเสนานิคม พักแรมอยู ณ ที่นั้น ไดพบพื้นที่ รมณียสถาน….ตกลงใจพักอยู ณ ที่นั้นเอง ดวยคิดวา'ที่นี้ ควรแลว เพื่อการตั้งความเพียร' ดังนี้.
- ม. ม. 13/443-447/489-491; 13/670-674/738-740.
ตอไปนี้มีการตรัสเลาถึง การประพฤติอัตตกิลมถานุโยคจนอุปมาปรากฏ และทรงทําทุกรกิริยา แลวทรงเลิกหมุนไปจับเอาการกระทําความเพียรทางใจ ดังแสดงไวในพระพุทธประวัติตาง ๆ จนได "พบ" คือตรัสรูความจริงอันประเสริฐ.