ไปยังหน้า : |
ภิกษุ ท.! ที่สุดในเบื้องต้นของภวตัณหา ย่อมไม่ปรากฏ; ก่อนแต่นี้ ภวตัณหามิได้มี; แต่ว่าภวตัณหาเพิ่งมีต่อภายหลัง. ภิกษุ ท.! คำกล่าวอย่างนี้แหละเป็นคำที่ใคร ๆ ควรกล่าว และควรกล่าวด้วยว่า ."ภวตัณหาย่อมปรากฏ เพราะมีสิ่งนี้สิ่งนี้เป็นปัจจัย". ดังนี้.
ภิกษุ ท .! เรากล่าวว่า ถึงแม้ภวตัณหานั้น ก็เป็น ธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่. ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของภวตัณหา? คำตอบพึงมีว่า ."อวิชชา เป็นอาหารของภวตัณหา". ดังนี้.
ภิกษุ ท.! เรากล่าวว่า ถึงแม้อวิชชา ก็เป็นธรรมชาติมีอาหารหาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่. ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของอวิชชา? คำตอบพึงมีว่า ."นิวรณ์ทั้งหลาย 5 ประการ เป็นอาหารของอวิชชา". ดังนี้.
ภิกษุ ท.! เรากล่าวว่า ถึงแม้นิวรณ์ทั้งหลาย 5 ประการ ก็เป็นธรรมชาติมีอาหาร หาใช่เป็นธรรมชาติที่ไม่มีอาหารไม่. ก็อะไรเล่า เป็นอาหารของนิวรณ์ทั้งหลาย 5 ประการ? คำตอบพึงมีว่า "ทุกจริตทั้งหลาย 3 ประการ" ดังนี้
....ฯลฯ.... ....ฯลฯ....
การไม่สำรวมอินทรีย์บริบูรณ์แล้ว ย่อมทำทุจริต 3 ประการให้บริบูรณ์; ทุจริต 3 ประการบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำนิวรณ์ 5 ประการให้บริบูรณ์; นิวรณ์ 5 ประการบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำอวิชชาให้บริบูรณ์; อวิชชาบริบูรณ์แล้ว ย่อมทำภวตัณหาให้บริบูรณ์.
ภิกษุ ท.! อาหารแห่งภวตัณหานี้ ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้ และบริบูรณ์แล้วด้วยอาการอย่างนี้.
- ทสก.อํ.24/124/62.