ไปยังหน้า : |
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่อย่างไร สักกายทิฏฐิย่อมละไป พระเจ้าข้า ?”
ภิกษุ ! เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักษุ โดยความเป็นทุกข์ สักกายทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง รูป ท. โดยความเป็นทุกข์ สักกายทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักขุวิญญาณ โดยความเป็นทุกข์ สักกายทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักขุสัมผัส โดยความเป็นทุกข์ สักกายทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง เวทนา อันเป็นสุขก็ตาม อันเป็นทุกข์ก็ตาม อันเป็นอทุกขมสุขก็ตาม ที่เกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย โดยความเป็นทุกข์ สักกายทิฏฐิย่อมละไป.
(ในกรณีแห่ง อายตนิกธรรมอีก 5 หมวดถัดไป คือ หมวดโสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และ มนะ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้ด้วยข้อความอย่างเดียวกันกับข้างบนนี้ ต่างแต่ชื่อธรรมที่ต้องเปลี่ยนไปตามหมวดนั้น ๆ เท่านั้น ; รวมเป็นธรรมที่ถูกรู้เห็นโดยความเป็นทุกขัง ทั้งหมด 30 อย่าง).
ภิกษุ ! เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้แล สักกายทิฏฐิย่อมละไป.
- สฬา. สํ. ๑๘/๑๘๕/๒๕๕.