ไปยังหน้า : |
ภิกษุ ท.! บุคคลเหลาใด จะเปนสมณะหรือพราหมณ ก็ตาม ไมรูอยูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับไมเหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข;" ดังนี้, เขาเหลานั้น ยอมยินดี ตอสิ่งอันเปนปจจัยปรุงแตงที่เปนไปพรอมเพื่อความเกิดเปนตน, เขายินดีแลว ก็สรางปจจัยนั้น ๆ, ครั้นกอสรางแลว ก็ตกจมลงสูหวงแหงความมืดอันกระทําใหเปนเหมือนตาบอด ไดแกความมืด คือความเกิดความแก ความตาย ความโศก ความร่ำไรรําพัน ความทุกขกาย ความทุกขใจและความคับใจ. ภิกษุ ท.! บุคคลเหลานั้น เรากลาวา เขาไมพนไปจากทุกข คือความเกิดเปนตน ไปไดเลย.
ภิกษุ ท.! สวนบุคคลเหลาใด จะเปนสมณะหรือพรามหมณ ก็ตามเมื่อรูชัดตามเปนจริงวา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข. นี้เปนความดับไมเหลือแหงทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข", ดังนี้; บุคคลเหลานั้น ยอมไมยินดี ตอสิ่งอันเปนปจจัยปรุงแตง ที่เปนไปพรอมเพื่อความเกิดเปนตน, เขาผูไมยินดีแลว ย่อมกอสรางปจจัยนั้น ๆ ขึ้น (เพื่อตัวเอง), ครั้นไมกอสรางแลว ก็ไมตกจมลงสูหวงแหงความมืด อันกระทําใหเปนเหมือนตาบอด ไดแกความมืดคือความเกิด ความแก ความตาย ความโศก ความร่ำไรรําพัน ความทุกขกาย ความทุกขใจ และความคับแคนใจ. ภิกษุ ท! เรากลาววา เขาพนไปจากทุกข คือความเกิดเปนตนไปได ดังนี้.
ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอันเปนเครื่องกระทําใหรูวา "ทุกข เปนอยางนี้, เหตุเกิดขึ้นแหงทุกข เปนอยางนี้, ความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกขเปนอยางนี้." ดังนี้.
- มหาวาร. สํ. 19/567/1741-1742.