การเห็นชนิดที่ละอัตตานุทิฏฐิได้

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างไร เห็นอยู่อย่างไร อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป พระเจ้าข้า ?”

ภิกษุ ! เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่งจักษุ โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง รูป ท. โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักขุวิญญาณ โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง จักขุสัมผัส โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป. เมื่อบุคคลรู้อยู่เห็นอยู่ ซึ่ง เวทนา อันเป็นสุขก็ตาม อันเป็นทุกข์ก็ตาม อันเป็นอทุกขมสุขก็ตาม ที่เกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย โดยความเป็นอนัตตา อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป.

(ในกรณีแห่ง อายตนิกธรรมอีก 5 หมวดถัดไป คือ หมวดโสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และมนะ ก็มีข้อความที่ตรัสไว้ด้วยข้อความอย่างเดียวกันกับข้างบนนี้ ต่างแต่ชื่อธรรมที่ต้องเปลี่ยนไปตามหมวดนั้น ๆ เท่านั้น ; รวมเป็นธรรมที่ถูกรู้เห็นโดยความเป็นอนัตตา ทั้งหมด 30 อย่าง).

ภิกษุ ! เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้แล อัตตานุทิฏฐิย่อมละไป.

- สฬา. สํ. ๑๘/๑๘๖/๒๕๖.

(การพิจารณาเห็นอายตนิกธรรม โดยลักษณะทั้งสาม คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ดังกล่าวมาใน 3 หัวข้อข้างบนนี้ ก็จัดเป็นสัมมาทิฏฐิแบบหนึ่ง จึงนำมาใส่ไว้ในหมวดนี้).


เกี่ยวกับธรรมโฆษณ์ออนไลน์ (Disclaimer)
แม้ระบบ "ธรรมโฆษณ์ออนไลน์" พยายามปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด ผู้ศึกษาก็พึงตรวจสอบกับตัวเล่มหนังสือต้นฉบับ ที่มีการพิมพ์ครั้งล่าสุด ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง"

หนังสือที่เกี่ยวข้อง